
การกำกับดูแลและปฏิบัติตามกฎระเบียบ
ความสำคัญและพันธกิจ

บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสําคัญของการกํากับดูแลกิจการที่ดี (Governance) และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Compliance) ในทุกระดับของการดําเนินงาน โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะสร้างระบบการทํางานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม การมีระบบการกํากับดูแลที่ดี ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาดหรือการทุจริต แต่ยังเป็นรากฐานสําคัญสําหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรในระยะยาว
ด้วยพันธกิจที่มุ่งมั่นในด้านการกํากับดูแลและปฏิบัติตามกฎระเบียบ โดยการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสําคัญกับความซื่อสัตย์ จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคม บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ และมาตรฐานที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งส่งเสริมให้พนักงานทุกคนมีความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตน และตระหนักถึงความสําคัญของการปฏิบัติตามกฎระเบียบ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสําคัญกับการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทํางานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและข้อบังคับ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ
การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
เป้าหมายที่ 10:

เป้าหมายที่ 16:

เป้าหมายและผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย
ผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย
ผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย
ผลการดำเนินงาน
แนวทางการบริหารจัดการ
บริษัทให้ความสำคัญในการดำเนินงานได้อย่างถูกต้อง โปร่งใส และลดความเสี่ยงทางกฎหมาย มีแนวทางที่ชัดเจนเพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรสามารถปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยมอบหมายให้มีผู้รวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง ศึกษาข้อกำหนดเพื่อให้เกิดการปฏิบัติตาม และสื่อสารให้ผู้ปฏิบัติงานรับทราบ รวมถึงมีการทดสอบความเข้าใจของพนักงาน เมื่อหน่วยงานกำกับเข้ามาตรวจสอบ บริษัทจัดทำแผนแก้ไขเพื่อปรับปรุงให้เป็นไปตามข้อกำหนด โดยมีการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ดังนี้
การป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์
บริษัทมีนโยบายป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของบริษัทและของผู้ถือหุ้น โดยกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องไว้ 2 เรื่อง คือ รายการที่เกี่ยวโยงกันและสถานการณ์อื่น ๆ ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์

การตรวจสอบและการควบคุมภายใน
คณะกรรมการตรวจสอบได้ทำหน้าที่ด้วยความเป็นธรรมและความเป็นอิสระ เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับองค์กร ปรับปรุงการดำเนินงานในการกำกับดูแลระบบการควบคุมภายใน การบริหารความเสี่ยง และกระบวนการกำกับดูแลของฝ่ายบริหารครอบคลุมทุกด้าน ทั้งด้านบัญชี การเงิน การปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง ให้มีซึ่งกลไกในการตรวจสอบที่ถ่วงดุลกันอย่างมีประสิทธิภาพ มีหน่วยงานตรวจสอบภายในทำหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติงานของทุกสายงานตามแผนงานตรวจสอบที่พิจารณาตามความเสี่ยงองค์กรเป็นสำคัญ รวมทั้งให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อให้องค์กรบรรลุวัตถุประสงค์
ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาแผนงานตรวจสอบ ควบคุมและกำกับดูแลการปฏิบัติงานของหน่วยงานตรวจสอบภายในให้มีความเป็นอิสระ สามารถทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลได้ตามมาตรฐานที่กำหนด และให้รายงานตรงต่อคณะกรรมการตรวจสอบ ไม่น้อยกว่าไตรมาสละ 1 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจในความเพียงพอของระบบการควบคุมภายใน และงานตรวจสอบภายในที่มีประสิทธิผลโดยรัดกุม ช่วยลดโอกาสการเกิดความเสียหายต่อองค์กร
ปี 2567 คณะกรรมการตรวจสอบและคณะกรรมการบริษัทมีความเห็นว่าบริษัทมีความเพียงพอและมีประสิทธิผลของระบบควบคุมภายใน

การกำกับดูแลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วม
บริษัทให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลบริษัทย่อยและบริษัทร่วม และมุ่งเน้นการกำหนดกลไกที่จะนำไปสู่ระบบการกำกับดูแลบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่ดี โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งคำนึงถึงสิทธิและประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ตามนโยบายการลงทุนและกำกับดูแลการดำเนินงานในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม โดยมีแนวทางการดำเนินงานร่วมกันในด้านนโยบาย การรายงานผลการดำเนินงาน การกำกับดูแล การบริหารความเสี่ยง การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับ รายการระหว่างกัน และการสื่อสารระหว่างบริษัทและบริษัทย่อย
ในปี 2567 บริษัทย่อยได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ในนโยบายที่กำหนดไว้อย่างครบถ้วน

ความโปร่งใสด้านภาษี
บริษัทบริหารจัดการภาษีอย่างเหมาะสม ชำระภาษีให้กับภาครัฐในท้องถิ่นตามระยะเวลาที่กำหนด เปิดเผยข้อมูลการเสียภาษีอย่างครบถ้วนถูกต้อง พร้อมทั้งอัตราภาษีที่จ่ายจริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความเข้าใจที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสีย ดังนี้
งบการเงิน | 2564 | 2565 | 2566 | 2567 |
---|---|---|---|---|
กำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ | 758,332,875 | 887,996,299 | 936,438,943 | 1,049,205,680 |
ภาษีมูลค่าเพิ่ม | - | 4,134,820 | 12,792,390 | 12,844,548 |
ภาษีเงินได้นิติบุคคล | 150,876,081 | 179,381,873 | 187,664,415 | 212,388,447 |
ภาษีอากรแสตมป์ | 10,134,188 | 12,042,622 | 13,357,013 | 14,960,357 |
ภาษีธุรกิจเฉพาะ | 55,676,302 | 70,487,187 | 81,861,579 | 93,500,654 |
ภาษีที่จ่ายจริง | 162,020,977 | 198,486,788 | 193,999,488 | 226,866,688 |
อัตราภาษีที่จ่ายจริง | 21.37% | 22.35% | 20.72% | 21.62% |
การรับข้อร้องเรียน การทุจริต และการกระทำผิด
บริษัทได้กำหนดช่องทางและกระบวนการแจ้งเบาะแสหรือข้อร้องเรียนไว้ในนโยบายการรับเรื่องร้องเรียนการทุจริตและการกระทำผิด (Whistle Blowing Policy) ที่ใช้เป็นกลไกในการติดตามการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องตามจรรยาบรรณธุรกิจ (Code of Conduct) เสริมสร้างความโปร่งใสของการปฏิบัติงานและความเชื่อมั่นของลูกค้า มีการกำหนดมาตรการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันที่รัดกุม ทั้งมาตรการป้องกันและค้นพบสิ่งผิดปกติหรือการทุจริตในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งพนักงานสามารถใช้เป็นช่องทางในการร้องเรียนหรือแจ้งข้อเสนอแนะ รวมถึงการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมการละเมิดสิทธิมนุษยชน การไม่ปฏิบัติตามประมวลจรรยาบรรณและจริยธรรมทางธุรกิจ การกระทำผิดกฎหมาย พฤติกรรมที่อาจส่งผลต่อการทุจริตตามนโยบายและแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน การประพฤติมิชอบของพนักงาน รวมถึงความบกพร่องของระบบควบคุมภายในโดยมีกลไกในการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส ตามแนวทางการรับข้อร้องเรียนซึ่งพิจารณาจากขอบเขตของเรื่องร้องเรียน ช่องทางการรับเรื่องร้องเรียน โดยมีกระบวนการดังนี้
1. รับเรื่องและบันทึกข้อมูลเรื่องร้องเรียน
2. พิจารณาความน่าเชื่อถือของเรื่องร้องเรียน
3. สอบสวนข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน
4. ดำเนินการแก้ไขและมาตรการทางวินัย
5. ปกป้องผู้ร้องเรียนและการรักษาความลับ
6. ติดตามผลและออกมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ
ในปี 2567 มีการแจ้งเรื่องร้องเรียนมายังฝ่ายตรวจสอบภายในทั้งหมด 6 เรื่อง โดยทุกเรื่องได้ตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว 5 เรื่อง และอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง 1 เรื่อง