Environmental

โครงการส่งเสริมการประหยัดพลังงานไฟฟ้าในสำนักงาน

1. หลักการและเหตุผล

บริษัทกำหนดมาตรการส่งเสริมการประหยัดพลังงานไฟฟ้า ด้วยในปี 2566 บริษัทมีการจ่ายค่าไฟฟ้ารวม 30.1 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2567 ที่มีการจ่ายค่าไฟฟ้ารวม 32.3 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าบริษัทมีการใช้ไฟฟ้าลดลง 5.99% เมื่อเทียบกับรายได้รวม เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกในการลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ในที่ทำการสาขา, หน่วย และสำนักงานใหญ่อย่างต่อเนื่อง จึงกำหนดมาตรการการประหยัดพลังงานไฟฟ้าในปี 2568 ดังนี้

2. วัตถุประสงค์โครงการ
  1. เพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงานไฟฟ้า และลดค่าใช้จ่ายของบริษัท
  2. เพื่อให้พนักงานปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และสร้างจิตสำนึกการใช้พลังงานไฟฟ้า ให้เกิดความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด
3. เป้าหมาย
  1. เป้าหมายเชิงปริมาณ : พนักงานสาขาและหน่วยในสังกัด ลดค่าไฟได้ 5% เมื่อเทียบกับรายได้รวม
  2. เป้าหมายเชิงคุณภาพ : พนักงานให้ความร่วมมือในการลดใช้พลังงานไฟฟ้าลง
4. ผู้รับผิดชอบโครงการ
  1. นายชวลิต ภานผา ที่ปรึกษา
  2. คณะทำงานฝ่ายบุคคล
  3. คณะทำงานฝ่ายบริหารความเสี่ยง
5. ระยะเวลาดำเนินการ

เดือนมกราคม - เดือนธันวาคม ปี 2568

6. แนวทางและมาตรการในการประหยัดพลังงานไฟฟ้า
ประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า มาตรการ
1. เครื่องปรับอากาศ(แอร์)
  1. กำหนดเวลาเปิดเครื่องปรับอากาศ เวลา 08.30 – 16.00 น.
  2. ปรับอุณหภูมิ 25 - 27 องศาเซลเซียส และปิดพัดลมระบายอากาศ
  3. หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศอยู่เสมอเพื่อช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศให้ทำงานลดลง
2. เครื่องคอมพิวเตอร์
  1. ตั้งโปรแกรมพักหน้าจอ หรือ ปิดจอคอมพิวเตอร์ เมื่อไม่ใช้งานเกินกว่า 15 นาที
  2. ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์หลังเลิกงานทุกครั้ง
  3. เมื่อเลิกใช้งานต้องปิดสวิตซ์จอภาพ และสวิตซ์เครื่องสำรองไฟ พร้อมถอดปลั๊กไฟ
3. หลอดไฟ
  1. ปิดไฟทุกครั้ง ในบริเวณที่ไม่มีการใช้งาน
  2. หลีกเลี่ยงการวางสิ่งของปิดทางแสงอาทิตย์ เพื่อให้มีแสงสว่าง
  3. ทำความสะอาดฝุ่นละอองที่เกาะบริเวณหลอดไฟอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้ได้แสงสว่างเท่าเดิม
  4. หากพบว่าหลอดไฟชำรุด, สายไฟชำรุด หรือขั้วหลอดไฟเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล - ดำ ให้เปลี่ยนใหม่ทันที เพื่อป้องกันอัคคีภัย จากสาเหตุไฟฟ้าลัดวงจร
4. ตู้เย็น
  1. ติดตั้งตู้เย็นให้ห่างจากผนังอย่างน้อย 15 เซนติเมตร เพื่อช่วยระบายความร้อนและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
  2. ปิดตู้เย็นให้สนิท, ทำความสะอาดภายในตู้เย็น และแผ่นระบายความร้อนหลังตู้เย็นเสมอ เพื่อให้ไม่ตู้เย็นทำงานหนักและใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าปกติ
  3. ไม่ควรเปิดตู้เย็นบ่อย และห้ามนำของร้อนเข้าแช่ในตู้เย็นทันที เพราะจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนัก และใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าปกติ
  4. ตรวจสอบขอบยางประตูของตู้เย็นไม่ให้เสื่อมสภาพ เพราะจะทำให้ความเย็นรั่วออกมา ทำให้ใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าปกติ
  5. ต้องละลายน้ำแข็งในตู้เย็นสม่ำเสมอ การปล่อยให้น้ำแข็งจับหนาเกินไป จะทำให้เครื่องต้องทำงานหนัก ทำให้ใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าปกติ
5. เครื่องถ่ายเอกสาร
  1. วางเครื่องถ่ายเอกสารในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก กรณีที่ไม่มีการใช้งานเครื่องให้กดปุ่มพักเครื่อง
  2. ต้องปิดเครื่องถ่ายเอกสารทุกครั้งหลังเลิกงาน และถอดปลั๊กออก
6. โทรทัศน์
  1. ปิดโทรทัศน์ทันทีเมื่อไม่มีใครรับชม
7. เครื่องปริ้นเตอร์ (เล็ก)
  1. ปิดเครื่องปริ้นเตอร์ทุกครั้งที่ไม่ได้ใช้งาน และถอดปลั๊กไฟ
8. พัดลม
  1. ปิดพัดลมทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน และถอดปลั๊กไฟ
9. กาต้มน้ำไฟฟ้า
  1. ถอดปลั๊กออกไฟทันทีเมื่อน้ำเดือด และห้ามเสียบไว้หากไม่ได้ใช้งาน อาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้
10. ตู้กดน้ำเย็น
  1. ถอดปลั๊กทุกครั้งหลังเลิกงาน
11. เครื่องทำน้ำอุ่น
  1. ปิดเครื่องทำน้ำอุ่นทุกครั้งเมื่อใช้งานเรียบร้อยแล้ว

หมายเหตุ เมื่อพบเครื่องใช้ไฟฟ้าใดชำรุด ให้แจ้งฝ่ายอาคารสถานที่ หรือให้ทำการซ่อมแซมก่อน และห้ามนำมาใช้จนกว่าจะมีการซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน

7. การติดตามและประเมินผลตามมาตรการ
  1. ติดตามการมีส่วนร่วมในการประหยัดไฟฟ้า ไตรมาสละ 1 ครั้ง นำรายงานในการประชุมคณะประสานงานและกำกับการบริหารความเสี่ยง
  2. นำผลจากการวัดประเมินรายงานในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง
  3. ผลประเมินค่าใช้จ่าย ใช้วัดความร่วมมือของพนักงานในแต่ละภาคธุรกิจ
  4. สาขาและหน่วยในสังกัดที่สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงสุด เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา 10 ลำดับแรก จะได้รับเงินรางวัล (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
8. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
  1. ค่าใช้จ่ายจากการใช้พลังงานไฟฟ้าของบริษัทลดลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
  2. พนักงานมีจิตสำนึกในการช่วยกันประหยัดพลังงานไฟฟ้า และใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างคุ้มค่า
  3. บริษัทสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลง 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (โดยใช้อัตราส่วน ค่าไฟฟ้าทั้งปี ต่อรายได้รวมของบริษัท)
9. เงื่อนไขที่ สาขาและหน่วยในสังกัด สามารถรับเงินรางวัลจากการลดค่าไฟฟ้าได้
  1. สาขาและหน่วยในสังกัดรวมกัน ต้องมีอัตราส่วนการลดใช้พลังงานไฟฟ้าลง 5% ขึ้นไป (ค่าไฟฟ้า/รายได้รวม) เมื่อเทียบกับปีผ่านมา จึงจะมีสิทธิได้รับเงินรางวัล
  2. สาขาและหน่วยในสังกัดรวมกัน ที่สามารถลดอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าลงได้สูงสุด 10 อันแรกเท่านั้น จึงจะมีสิทธิได้รับเงินรางวัล
  3. เงินรางวัลที่ได้รับสาขาและหน่วยในสังกัดรวมกัน ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข ข้อ 1 และ ข้อ 2 โดยมอบเงินรางวัลให้เท่ากับ 25% ของค่าไฟฟ้าที่ลดลงได้ เมื่อเทียบกับค่าไฟฟ้า ปี 2567
    1. 3.1)
      ตัวอย่างการคำนวนเงินรางวัล : สาขาและหน่วยในสังกัดรวมกันมีค่าไฟ ดังนี้

      ค่าไฟฟ้า สาขาและหน่วยในสังกัดรวมกัน ปี 2567 120,000 บาท

      ค่าไฟฟ้า สาขาและหน่วยในสังกัดรวมกัน ปี 2568 100,000 บาท

      ค่าไฟลดลง 20,000 บาท

      เงินรางวัลที่สาขาและหน่วยในสังกัดรวมกันจะได้รับ เท่ากับ 25% ของค่าไฟฟ้าที่ลดลงได้ 5,000 บาท

  4. บริษัทจะมอบเงินรางวัลให้สาขาและหน่วยในสังกัดรวมกัน หลังสิ้นปี 2568 เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้พนักงานทุกคนช่วยกันลดใช้พลังงานไฟฟ้าต่อไป
  5. หน่วยที่เปิดใหม่ในปี 2568 จะไม่ถูกนำมาคำนวณ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลค่าไฟฟ้าที่จะนำมาคำนวณ